Skip to content
Home » บทความ » เจาะลึก 5 โรคในกลุ่มลดวิตกกังวล ภัยเงียบในวัยรุ่น ที่คนไทยมักไม่รู้ตัว

เจาะลึก 5 โรคในกลุ่มลดวิตกกังวล ภัยเงียบในวัยรุ่น ที่คนไทยมักไม่รู้ตัว

ในปัจจุบัน วัยรุ่นไทยต้องเผชิญกับความกดดันรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การแข่งขัน การปรับตัวในสังคม และความคาดหวังทั้งจากตนเองและคนรอบข้าง ส่งผลให้ปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มอาการที่เกี่ยวข้องกับ “โรควิตกกังวล” ซึ่งมีการรายงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ปัญหานี้ไม่เพียงเป็นเรื่องของสังคมไทยเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นทั่วโลก และถูกจัดว่าเป็นหนึ่งใน “ภัยเงียบของวัยรุ่น” ที่มักไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือรักษาอย่างเหมาะสม

ความวิตกกังวลระดับหนึ่งเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อใดที่ความรู้สึกวิตกกังวลนั้นรุนแรงขึ้น ควบคุมไม่ได้ กระทบต่อการเรียน การนอน หรือความสัมพันธ์ นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคในกลุ่ม “Anxiety Disorders” ซึ่งประกอบด้วยหลายโรคย่อย เช่น โรควิตกกังวลทั่วไป โรคแพนิค โรคกลัวสังคม โรคย้ำคิดย้ำทำ หรือแม้แต่โรค PTSD ซึ่งโรคทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นในวัยรุ่นได้ทั้งสิ้น และที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตนกำลังป่วย และไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ทันที

โรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder – GAD)

➤ ภาพรวมของโรค GAD

โรควิตกกังวลทั่วไป (GAD) คือภาวะที่สมองเกิดความวิตกกังวลเกินความจำเป็น โดยไม่มีเหตุการณ์เฉพาะเจาะจงที่เป็นตัวกระตุ้น ผู้ป่วยจะคิดมาก คิดวน คิดไม่หยุด และมักเป็นกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เช่น การเรียน คะแนน ความสัมพันธ์ หรืออนาคตของตนเอง

➤ อาการสำคัญ

  • กังวลตลอดเวลา ควบคุมไม่ได้
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะคอ บ่า ไหล่
  • นอนหลับยาก
  • เหนื่อยง่าย
  • ไม่มีสมาธิ
  • กลัวคำตำหนิหรือกลัวทำผิดพลาด

วัยรุ่นจำนวนไม่น้อยตีความผิดว่า “ตัวเองเป็นคนคิดมาก” แต่จริง ๆ แล้วเป็นสัญญาณของโรค

  • ➤ สาเหตุที่เกี่ยวข้อง
  • พันธุกรรม
  • ความเครียดสะสม
  • การเลี้ยงดูที่เคร่งครัด
  • ความคาดหวังสูงทั้งจากตนเองและครอบครัว
  • สภาพแวดล้อมในโรงเรียน
  • ➤ กลไกสมองที่ผิดปกติในโรค GAD
  • การทำงานของ อะมิกดาลา (Amygdala) สูงกว่าปกติ ทำให้รู้สึกกลัวง่าย
  • สารสื่อประสาท GABA ทำงานลดลง ทำให้สมองผ่อนคลายยาก
  • ระบบโดปามีนและเซโรโทนินเสียสมดุล
  • ฮอร์โมนความเครียด คอร์ติซอล สูงอย่างต่อเนื่อง
  • ➤ การรักษา
  1. การทำ CBT
  2. จัดการความเครียด
  3. ออกกำลังกาย
  4. ใช้ยาในบางราย เช่น
    • SSRIs
    • SNRIs
    • Buspirone

โรคตื่นตระหนกเฉียบพลัน (Panic Disorder)

➤ โรคแพนิคคืออะไร

โรคแพนิคเป็นภาวะสมองที่ทำให้เกิดอาการตื่นกลัวเฉียบพลันรุนแรง ไม่มีสาเหตุชัดเจน ร่างกายตอบสนองเหมือนกำลังเผชิญอันตราย ทั้งที่สถานการณ์จริงไม่มีอะไรคุกคาม โดยมักเกิดในวัยรุ่นตอนปลายถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น

อาการแพนิคที่พบบ่อย

  • หายใจไม่ออก
  • เหมือนกำลังจะตาย
  • เจ็บหน้าอก
  • มือเท้าชา
  • เวียนหัว
  • ใจเต้นเร็วมาก
  • กลัวล้มหมดสติ

➤ ทำไมวัยรุ่นเป็นมากขึ้น

ความกดดันทางการเรียน , โซเชียลมีเดีย , นอนหลับไม่เพียงพอ , กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง

➤ กลไกสมองในโรคแพนิค

  • สมองตีความ “สัญญาณเล็กน้อย” เป็น “ภัยใหญ่หลวง”
  • สมองส่วน Amygdala ตื่นตัวสูงผิดปกติ
  • การควบคุมการหายใจผิดสมดุล ทำให้เกิดภาวะ Hyperventilation

➤ การรักษาโรคแพนิค

  • CBT
  • เทคนิคการหายใจ
  • ยา SSRIs
  • ยากลุ่มลดการเต้นของหัวใจในบางกรณี เช่น Propranolol
  • ยากลุ่ม Benzodiazepines (ใช้เฉพาะกรณีจำเป็นและระยะสั้น)

➤ โรคนี้คืออะไร

โรคกลัวสังคมทำให้วัยรุ่นรู้สึกกลัวสถานการณ์ที่ต้องพบปะผู้คนอย่างมาก เช่น การพูดในที่ประชุม การออกไปเจอเพื่อนใหม่ การสอบสัมภาษณ์ หรือแม้แต่การทักทาย

  • ➤ อาการที่พบบ่อย
  • หน้าแดงง่าย
  • ใจสั่น
  • กลัวถูกมอง
  • กลัวทำผิดพลาด
  • เลี่ยงเข้าสังคม
  • ➤ ผลกระทบในวัยรุ่น
  • ขาดเรียน
  • คะแนนลด
  • แยกตัว
  • มีโอกาสซึมเศร้าแทรกซ้อน
  • ➤ สมองผิดปกติอย่างไร
  • ความไวของ Amygdala ต่อ “สายตาคนอื่น” สูงเกินปกติ
  • ระบบประมวลข้อมูลทางสังคมในสมองผิดสมดุล
  • เซโรโทนินต่ำ
  • ➤ การรักษา
  • CBT เฉพาะทาง Social Anxiety
  • Exposure Therapy
  • ยา SSRIs
  • การฝึกทักษะเข้าสังคม

โรคย้ำคิดย้ำทำ
(Obsessive-Compulsive Disorder – OCD)

➤ โรค OCD คืออะไร

โรคย้ำคิดย้ำทำคือภาวะที่สมองเกิดความคิดรบกวนซ้ำ ๆ (Obsession) และทำให้ผู้ป่วยต้องทำพฤติกรรมบางอย่างซ้ำ ๆ (Compulsion) เพื่อบรรเทาความกังวล เช่น ล้างมือ วนเช็กประตู หรือคิดภาพไม่เหมาะสม

➤ อาการย้ำคิด

กลัวเชื้อโรค กลัวทำคนอื่นเดือดร้อน กลัวสิ่งไม่เป็นสิริมงคล

➤ อาการย้ำทำ

ล้างมือวันละหลายสิบครั้ง ตรวจประตูหรือเตาแก๊สซ้ำ ๆ จัดของให้สมมาตร

➤ กลไกสมองที่เกี่ยวข้อง

  • วงจรสมอง Cortico-striatal-thalamo-cortical ผิดปกติ
  • สารเซโรโทนินต่ำ
  • สมองติด “ลูปความคิด” ที่ปิดไม่สนิท

➤ การรักษา

  • การบำบัดแบบ ERP (Exposure and Response Prevention)
  • SSRIs ขนาดสูง
  • การทำงานร่วมกับนักบำบัดหลายสาขา

➤ PTSD ในวัยรุ่นคืออะไร

เป็นภาวะที่เกิดหลังเผชิญเหตุการณ์รุนแรง เช่น การถูกทำร้าย การสูญเสีย การถูกกลั่นแกล้งรุนแรง อุบัติเหตุ หรือความรุนแรงในครอบครัว

➤ อาการของ PTSD

  • Flashback เหมือนเหตุการณ์เกิดซ้ำ
  • ฝันร้าย
  • หลีกเลี่ยงสถานที่หรือคนที่เกี่ยวกับเหตุการณ์
  • ไวต่อเสียงดัง
  • ระเบิดอารมณ์ง่าย
  • ➤ สมองเปลี่ยนไปอย่างไร

Hippocampus หดตัว ทำให้ความจำผิดเพี้ยน

Amygdala ตื่นตัวสูง

ระบบประมวลความปลอดภัยเสียสมดุล

➤ การรักษา

  • Trauma-focused CBT
  • EMDR
  • ยา antidepressants
  • เพลงบำบัด ศิลปะบำบัด

กลไกการทำงานของสมองในโรคกลุ่มวิตกกังวล

1. Amygdala (ศูนย์ประมวลความกลัว)

ทำงานมากเกินไป ส่งสัญญาณเตือนภัยบ่อย

2. Prefrontal Cortex (ควบคุมเหตุผล)

ทำงานลดลง จึงควบคุมอารมณ์และความกลัวไม่ได้

3. Neurotransmitters

  • GABA: ลดลง ทำให้ผ่อนคลายไม่ได้
  • Serotonin: ผิดสมดุล เกี่ยวกับอารมณ์
  • Dopamine: ทำงานผิดเพี้ยน กระทบแรงจูงใจ
  • Norepinephrine: ทำให้ตื่นตัวมากเกินไป

4. ระบบพลังงานในสมอง

วัยรุ่นขาดวิตามินหรือแร่ธาตุ เช่น

  • แมกนีเซียม
  • วิตามินบีรวม
  • L-theanine
  • กรดอะมิโนที่ใช้สร้าง GABA
    ทำให้ความวิตกกังวลแย่ลง

การรักษาโรคในกลุ่มลดวิตกกังวล

1. ยากลุ่ม SSRIs / SNRIs

ใช้ระยะยาว ปรับสารเซโรโทนินและนอร์อิพิเนฟริน

2. Benzodiazepines

ลดอาการเฉียบพลัน (ใช้ระยะสั้นเท่านั้น)

3. Buspirone

ลดกังวลเฉพาะ GAD

4. CBT คือวิธีที่ดีที่สุด

แก้ที่ความคิดและรูปแบบพฤติกรรม

5. การดูแลตนเอง

  • นอนให้พอ
  • จำกัดคาเฟอีน
  • ออกกำลังกาย
  • ฝึกหายใจ
  • โภชนาการดี เพื่อสมดุลเคมีสมอง

วิธีป้องกันโรควิตกกังวลในวัยรุ่น

  • สร้างความสัมพันธ์ที่ปลอดภัยในครอบครัว
  • สนับสนุนความสามารถ ไม่เน้นการแข่งขัน
  • ให้เวลาพักผ่อนเพียงพอ
  • ฝึก mindfulness
  • ตรวจสุขภาพจิตปีละครั้ง

สรุป

โรคในกลุ่มลดวิตกกังวลเป็นภัยเงียบที่พบมากในวัยรุ่น โดยเฉพาะจากความเครียด การเรียน โซเชียล และความกดดันทางสังคม หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น ซึมเศร้า การทำร้ายตนเอง หรือคุณภาพชีวิตลดลง แต่หากได้รับการช่วยเหลือปัญหาทุกอย่างสามารถดีขึ้นได้มากกว่า 90% ด้วยการรักษาที่ถูกต้อง

หากมีความสงสัยเกี่ยวกับอาการที่เป็นอยู่ สามารถปรึกษาเภสัชกรได้โดยตรงพร้อมสั่งยารักษา โดยแอดไลน์ @733khpqc หรือ Scan QR CODE โดยกดลิงค์ที่ข้อความนี้ได้เลยค่ะ