ยากลุ่มเบนโซไดอะซีพีนถือเป็นยาที่ได้รับการพูดถึงบ่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะยาในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ปานกลางและมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมอาการวิตกกังวล หนึ่งในยาที่พบได้บ่อยที่สุดคือยา lorazepam ซึ่งถูกนำมาใช้ทั้งในงานด้านจิตเวช งานการแพทย์ทั่วไป และการรักษาภาวะเฉพาะอย่าง เช่น ภาวะชักแบบเฉียบพลัน หรืออาการถอนสุราในบางกรณี ทำให้ยาในกลุ่มนี้เป็นยาที่หลายคนรู้จักในฐานะ “ยาคลายกังวล” แต่ในความเป็นจริงแล้ว lorazepam เป็นยาที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งต้องใช้ด้วยความระมัดระวังสูง ไม่สามารถซื้อเองได้ และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุดและเพื่อใช้ยาให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

บทนำ: ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับยาในกลุ่มเบนโซไดอะซีพีน
ยากลุ่มเบนโซไดอะซีพีน (Benzodiazepines) หรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่ายาคลายกังวล เป็นกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง มีคุณสมบัติช่วยลดความวิตกกังวล คลายกล้ามเนื้อ ทำให้นอนหลับง่ายขึ้น และลดอาการกระตุกหรือชักได้ในบางกรณี กลุ่มยานี้ถูกนำมาใช้ในการแพทย์มานานกว่า 60 ปี และยังคงเป็นยาที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับสมอง อารมณ์ และพฤติกรรม
แม้ว่าเบนโซไดอะซีพีนจะเป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็เป็นยาที่มีศักยภาพก่อให้เกิดการพึ่งพิงทางกายและจิตใจ หากใช้เป็นเวลานานเกินไปหรือใช้ในขนาดที่ไม่เหมาะสม ยาบางตัวออกฤทธิ์สั้น บางตัวออกฤทธิ์ยาว และแต่ละชนิดเหมาะกับการรักษาแตกต่างกัน เช่น alprazolam เหมาะกับ panic attack, clonazepam ใช้ในโรคลมชักบางประเภท ส่วน lorazepam อยู่ในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ปานกลางและเป็นหนึ่งในยาที่ได้รับความนิยมใช้มากที่สุดในงานจิตเวชทั่วโลก
ประวัติและที่มาของ ลอราซีแพม
ลอราซีแพม ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Wyeth ในช่วงทศวรรษที่ 1960–1970 ภายใต้ความพยายามในการหายาคลายกังวลที่มีประสิทธิภาพสูงแต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่าเดิม เมื่อเทียบกับยากลุ่มบาร์บิทูเรตซึ่งเป็นยารุ่นก่อน โดย ลอราซีแพม เป็นหนึ่งในยาที่ถูกมองว่ามีความสมดุลดีระหว่างฤทธิ์ทางคลินิกและความปลอดภัย
สิ่งที่ทำให้ ลอราซีแพมได้รับความนิยมคือ:
- ออกฤทธิ์เร็ว
- ไม่สะสมในร่างกายเท่ายาบางชนิด
- ใช้ได้ทั้งแบบกินและแบบฉีด
- เหมาะทั้งสำหรับการรักษาระยะสั้นในภาวะเฉียบพลัน และใช้แบบเฉพาะกิจในสถานการณ์ที่เกิดความตึงเครียดมาก
แพทย์หลายสาขา เช่น แพทย์อายุรกรรม จิตแพทย์ แพทย์ฉุกเฉิน และศัลยแพทย์ ล้วนมีโอกาสต้องใช้ ลอราซีแพม ในสภาวะต่าง ๆ เช่นก่อนทำหัตถการที่อาจทำให้ผู้ป่วยวิตกกังวลมาก
กลไกการออกฤทธิ์ของ ลอราซีแพม อย่างละเอียด
ลอราซีแพม ออกฤทธิ์โดยการจับกับ GABA-A receptor ซึ่งเป็นตัวรับที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งสัญญาณประสาท เมื่อ ลอราซีแพมจับกับตำแหน่งเฉพาะบนตัวรับนี้ มันจะช่วยเพิ่มความสามารถของ GABA ในการเปิดช่องคลอไรด์ ทำให้เกิดการไหลเข้าของไอออนคลอไรด์เข้าสู่เซลล์ประสาท ส่งผลให้เกิด hyperpolarization และทำให้เซลล์ประสาทส่งสัญญาณได้ยากขึ้น ส่งผลโดยรวมคือสมองเกิดความสงบลง ลดสภาวะตื่นตัวมากเกินไป ซึ่งเป็นพื้นฐานของอาการวิตกกังวล ความตึงเครียด และภาวะนอนไม่หลับ
ผลของยาเกิดขึ้นเร็ว โดยทั่วไปประมาณ 20–60 นาทีหลังรับประทาน ขึ้นกับสภาพร่างกายและระบบการเผาผลาญของแต่ละคน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับอาการเฉียบพลัน เช่น panic attack, acute anxiety, severe insomnia รวมถึงใช้ในภาวะชักบางกรณี เช่น status epilepticus
ข้อบ่งใช้ของ ลอราซีแพม
1. ภาวะวิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder — GAD)
ผู้ป่วยที่มีอาการกังวลมากเกินไปและต่อเนื่อง มักมีอาการร่วมกับปัญหานอนหลับ กล้ามเนื้อเกร็ง และอ่อนเพลีย ลอราซีแพม ช่วยลดความตึงของระบบประสาท ทำให้ผู้ป่วยมีความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบ ลดการหมกมุ่น และเพิ่มคุณภาพชีวิต
2. อาการตื่นตระหนก (Panic Disorder)
ลอราซีแพม สามารถใช้เป็นยาฉุกเฉินในผู้ที่เกิด panic attack เนื่องจากยาออกฤทธิ์รวดเร็วและช่วยลดอาการใจสั่น หายใจไม่อิ่ม เหงื่อออก และความตื่นกลัวเฉียบพลันได้เป็นอย่างดี
3. ภาวะนอนไม่หลับจากความกังวล
ผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับเพราะกังวลมากเกินไปสามารถได้รับ ลอราซีแพม ในขนาดที่เหมาะสมเพื่อลดความตื่นตัว ทำให้หลับง่ายขึ้น และช่วยให้หลับต่อเนื่องได้ดีขึ้น
4. ใช้ก่อนทำหัตถการ เพื่อระงับความกังวล
ลอราซีแพม มักถูกใช้ก่อนทำการผ่าตัด การส่องกล้อง หรือหัตถการทางการแพทย์อื่น ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสงบ ไม่ตื่นเต้น และร่วมมือกับแพทย์ได้ดี
5. ภาวะชักเฉียบพลันบางชนิด
ลอราซีแพม แบบฉีดใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น status epilepticus หรือภาวะชักต่อเนื่อง ซึ่งต้องควบคุมอย่างเร่งด่วน
การใช้ยา ลอราซีแพม อย่างปลอดภัย
ต้องเน้นว่ายา ลอราซีแพม มีความเสี่ยงเรื่อง “การพึ่งพิงยา” ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือใช้ในขนาดมากเกินไป ดังนั้นการใช้ยานี้ควรเป็นแบบระยะสั้นที่สุดเท่าที่จำเป็น โดยทั่วไปไม่เกิน 2–4 สัปดาห์ แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
หลักการใช้ยาอย่างปลอดภัย:
- ใช้ยาตามแพทย์สั่งเท่านั้น
ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเองแม้จะรู้สึกว่ายาออกฤทธิ์ลดลง - ไม่หยุดยาทันที
หากใช้ต่อเนื่องมากกว่า 2 สัปดาห์ต้องหยุดยาแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อลดอาการถอน - ไม่ผสมกับแอลกอฮอล์
อาจทำให้กดการหายใจอย่างรุนแรง - หลีกเลี่ยงการขับรถหลังใช้ยา
เพราะอาจเกิดอาการง่วงมาก เวียนหัว สมาธิลดลง - ไม่ใช้ร่วมกับยาเสพติดหรือยากดประสาทชนิดอื่น
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ผลข้างเคียงทั่วไป
- ง่วงซึม
- เวียนศีรษะ
- ความจำสั้น
- มึนงง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ผลข้างเคียงรุนแรง (พบได้น้อย)
- กดการหายใจ
- สับสน
- เดินเซ อุบัติเหตุล้มง่าย
- อาการดื้อยา ต้องเพิ่มขนาดเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม
ลอราซีแพม กับการพึ่งพิงยา
สิ่งที่ต้องระวังคือ “การติดยา” ไม่ใช่ความหมายแบบยาเสพติด แต่เป็นภาวะที่สมองปรับตัวจนต้องการยาเพื่อคงสภาวะปกติ หากหยุดกะทันหันจะเกิด withdrawal เช่น
- ใจสั่น
- เหงื่อแตก
- กังวลรุนแรง
- นอนไม่หลับ
- ชัก (ในผู้ใช้ขนาดสูง)
ดังนั้นแพทย์มักจะให้ใช้เฉพาะเป็นครั้งคราว ไม่ใช้รายวันติดต่อกันนาน ๆ
ใครที่ไม่ควรใช้ lorazepam
- ผู้ป่วยที่มีภาวะกดการหายใจ
- โรคอัมพาตกล้ามเนื้อบางชนิด
- โรคตับขั้นรุนแรง
- ผู้สูงอายุ (ต้องระวังขนาดเป็นพิเศษ)
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ปฏิกิริยาระหว่างยา
ลอราซีแพม อาจเกิดปฏิกิริยากับยาต่อไปนี้:
- ยานอนหลับ
- ยาแก้แพ้ที่ง่วง
- Morphine, codeine
- แอลกอฮอล์
- ยาต้านซึมเศร้าบางชนิด
- ยาต้านชักบางชนิด
การใช้ร่วมกันอาจทำให้กดประสาทรุนแรง
ข้อควรรู้สำหรับผู้ป่วยโรควิตกกังวล
แม้ lorazepam จะช่วยลดอาการได้ดี แต่ควรรักษาร่วมกับ:
- การบำบัดด้วย CBT
- การฝึกสติ สมาธิ
- การปรับพฤติกรรมการนอน
- การออกกำลังกาย
- การลดคาเฟอีน
เพื่อให้ผลลัพธ์ดีขึ้นและลดการพึ่งพิงยา
คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ lorazepam เป็นครั้งแรก
- เริ่มจากขนาดต่ำที่สุด
- แจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้ยา
- ไม่ควรใช้ทุกวัน
- หากรู้สึกง่วงมากควรหยุดกิจกรรมอันตรายทันที
lorazepam
เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดความวิตกกังวล ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น และใช้ในสถานการณ์ทางการแพทย์หลายชนิด แต่เป็นยาที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังสูง ไม่เหมาะกับการใช้ระยะยาว และควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัด
หากมีความสงสัยเกี่ยวกับอาการที่เป็นอยู่ สามารถปรึกษาเภสัชกรได้โดยตรงพร้อมสั่งยารักษา โดยแอดไลน์ @733khpqc หรือ Scan QR CODE โดยกดลิงค์ที่ข้อความนี้ได้เลยค่ะ