
ยารักษาหนองใน : แนวทางการรักษาอย่างละเอียด ปลอดภัย และได้ผล
ยาปฏิชีวนะ เป็นวิธีการรักษาหลักที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อ Neisseria gonorrhoeae อย่างไรก็ตาม การดื้อยากำลังเป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ ยารักษาหนองใน แนวทางการใช้ยา และคำแนะนำเพื่อให้การรักษาได้ผลดีที่สุด
หนองใน (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อว่า Neisseria gonorrhoeae ซึ่งสามารถติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา หนองในสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การอักเสบของอวัยวะสืบพันธุ์ ภาวะมีบุตรยาก การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือแม้แต่การแพร่เชื้อให้คู่นอนโดยไม่รู้ตัว
💊 ยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาหนองใน
1. Ceftriaxone (เซฟไตรอะโซน)
- ขนาด: 500 มก. หรือ 1,000 มก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (IM) เพียงครั้งเดียว
- ข้อดี: ได้ผลดีสูงสุดในการรักษาหนองในในปัจจุบัน
- ข้อเสีย: ผู้ป่วยบางรายอาจแพ้ยา หรือไม่สะดวกในการฉีดยา
Ceftriaxone ถือเป็น “ยาหลัก” ที่แนะนำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ (CDC) สำหรับยารักษาหนองใน เนื่องจากเชื้อหนองในดื้อต่อยาปฏิชีวนะรุ่นเก่า เช่น Penicillin และ Tetracycline ไปแล้วในหลายประเทศ
2. Azithromycin (อะซิโทรมัยซิน)
- ขนาด: 1,000 มก. รับประทานครั้งเดียว
- การใช้งาน: มักใช้ร่วมกับ Ceftriaxone เพื่อครอบคลุมการติดเชื้อหนองในเทียม (Chlamydia trachomatis) ซึ่งพบร่วมกับหนองในบ่อยมาก
- หมายเหตุ: ปัจจุบันเริ่มพบเชื้อดื้อ Azithromycin มากขึ้น จึงใช้ด้วยความระมัดระวัง
3. Doxycycline (ด็อกซีไซคลิน)
- ขนาด: 100 มก. วันละ 2 ครั้ง นาน 7 วัน
- การใช้งาน: ใช้ร่วมกับ Ceftriaxone แทน Azithromycin ในบางกรณี เช่น การรักษาหนองในพร้อมกับหนองในเทียม
- ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้แพ้ยาในกลุ่ม Tetracycline
4. ยาทางเลือกอื่น (ในกรณีแพ้ยา หรือเชื้อดื้อยา)
หากผู้ป่วยแพ้ Ceftriaxone หรือไม่สามารถรับการฉีดยาได้ อาจพิจารณาใช้ทางเลือกอื่นเช่น:
- Cefixime (เซฟิกซิม): 800 มก. รับประทานครั้งเดียว (ไม่แนะนำเป็นตัวเลือกแรก เนื่องจากประสิทธิภาพต่ำกว่า)
- Gentamicin + Azithromycin: ทางเลือกใหม่ในกรณีที่ Ceftriaxone ใช้ไม่ได้
- Spectinomycin: บางแห่งยังมีใช้ แต่หายากและประสิทธิภาพจำกัด
⏱️ ระยะเวลาการรักษาหนองใน
- อาการมักจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หลังได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
- ต้อง งดมีเพศสัมพันธ์ อย่างน้อย 7 วันหลังจากได้รับยา และจนกว่าอาการจะหายหมด
🧪 ต้องตรวจซ้ำไหม?
- หากรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือมีความเสี่ยงดื้อยา แพทย์อาจนัดมาตรวจซ้ำหลัง 1–2 สัปดาห์
- คู่ของผู้ป่วยควรได้รับการตรวจและรักษา พร้อมกัน เพื่อป้องกันการติดซ้ำ
📌 หมายเหตุ
- ผู้หญิงที่ติดเชื้ออาจไม่มีอาการชัดเจน แต่ยังแพร่เชื้อได้
- หากเป็นหนองในที่ดื้อยา หรือแพร่ไปยังอวัยวะอื่น เช่น ข้อต่อ อาจต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือด (IV) ในโรงพยาบาล
⚠️ ข้อควรระวังในการใช้ ยารักษาหนองใน
- อย่าซื้อยามากินเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- เพราะอาจใช้ยาผิด หรือขนาดไม่ถูกต้อง ทำให้เชื้อดื้อยา
- แจ้งแพทย์หากแพ้ยา
- โดยเฉพาะยาในกลุ่ม Penicillin, Cephalosporin หรือ Macrolide
- รักษาให้ครบคอร์สตามแพทย์สั่ง
- แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว การหยุดยาก่อนกำหนดจะเพิ่มโอกาสเกิดการดื้อยา
- คู่นอนต้องได้รับการรักษาพร้อมกัน
- เพื่อป้องกันการติดเชื้อกลับซ้ำ (reinfection)
👶 ยารักษาหนองใน ในหญิงตั้งครรภ์และทารก
- หญิงตั้งครรภ์สามารถรับการรักษาด้วย Ceftriaxone ได้อย่างปลอดภัย
- ทารกแรกเกิดที่ติดเชื้อหนองในที่ตา ต้องได้รับการล้างตาและให้ยาปฏิชีวนะอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันการตาบอด
🏥 คำแนะนำในการไปพบแพทย์กรณีสงสัยหนองใน
✅ ก่อนพบแพทย์
- งดมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะได้รับการวินิจฉัยและรักษาเรียบร้อย
- เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อไปยังผู้อื่น
- จดบันทึกอาการที่มี
- เช่น ปัสสาวะแสบขัด มีหนอง/ตกขาวผิดปกติ เจ็บท้องน้อย ฯลฯ
- เริ่มมีอาการเมื่อไหร่ อาการรุนแรงแค่ไหน
- เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับคู่นอน
- จำนวนคู่นอนในช่วงที่ผ่านมา
- การใช้ถุงยางอนามัย หรือพฤติกรรมเสี่ยง
- หากเคยใช้ยามาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
- รวมถึงประวัติแพ้ยา
🗣️ ระหว่างการพบแพทย์
สิ่งที่ควรแจ้งหรือถามแพทย์:
- อาการที่คุณเป็น
- มีคู่นอนกี่คนในช่วง 2–3 เดือนที่ผ่านมา
- ขอให้แพทย์ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นร่วมด้วย (เช่น HIV, ซิฟิลิส, หนองในเทียม)
- สอบถาม:
- ต้องกินยา/ฉีดยาอะไร
- ต้องงดกิจกรรมอะไรบ้าง
- คู่ของคุณควรตรวจด้วยหรือไม่
- จะกลับมาเป็นอีกไหม และควรป้องกันอย่างไร
💊 หลังจากได้รับการรักษาหนองใน
- กินยาหรือฉีดยาให้ครบตามคำสั่งแพทย์
- งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 7 วัน หลังการรักษา และจนกว่าอาการจะหาย
- แจ้งคู่ของคุณให้ไปตรวจและรักษาด้วย
- ติดตามผลการรักษาตามที่แพทย์นัด โดยเฉพาะหากอาการไม่ดีขึ้น
- ตรวจซ้ำตามแพทย์แนะนำ เพื่อให้มั่นใจว่าเชื้อหายขาด
📌 คำแนะนำเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหาย
- แจ้งคู่นอนให้มาตรวจและรักษา
- ตรวจสุขภาพทางเพศอย่างน้อยปีละครั้ง หรือบ่อยขึ้นหากมีพฤติกรรมเสี่ยง
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรค
การรักษาหนองใน อย่างถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ป่วยหายจากโรคเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ และชะลอการดื้อยาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย ดังนั้น การเข้ารับการตรวจโดยแพทย์ และใช้ยาตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด คือกุญแจสำคัญในการควบคุมโรคนี้ในระดับบุคคลและสังคม
📌 หมายเหตุ: การไปพบแพทย์ไม่ควรอาย เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถเกิดได้กับทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์ และการตรวจเร็ว รักษาเร็ว จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและการแพร่เชื้อ
หากสงสัยว่าตนเองหรือคู่ของคุณอาจติดเชื้อ ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยเร็วที่สุด หรือสามารถแอดไลน์เพื่อปรึกษาเภสัชกรได้โดยตรง @733khpqc หรือ Scan Qrcode ด้านล่างเพื่อพูดคุยปรึกษาเภสัช
