ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย นับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา โดยเฉพาะกลุ่มยาเบต้าแลคแทม (β-lactam antibiotics) ที่รวมถึงเพนิซิลลิน และเซฟาโลสปอริน ซึ่งได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นรุ่นใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และครอบคลุมเชื้อโรคได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
หนึ่งในยาปฏิชีวนะที่ได้รับความนิยมและใช้อย่างแพร่หลายในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียคือ เซฟิซิม (Cefixime) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มยาเซฟาโลสปอรินรุ่นที่ 3 (Third-generation cephalosporins) บทความนี้จะเจาะลึกถึงคุณสมบัติ กลไกการออกฤทธิ์ ประสิทธิภาพทางคลินิก การใช้ในกลุ่มผู้ป่วยต่าง ๆ รวมถึงความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้ยา

ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับยา
ชื่อสามัญทางยา
Cefixime
ชื่อทางการค้า
Suprax®, Zifi®, Fixime®, Cefspan®, Sixime® เป็นต้น
ประเภทของยา
ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม Cephalosporins (รุ่นที่ 3)
รูปแบบยา
- ผงแห้งสำหรับผสมน้ำ (Dry syrup)
- แคปซูล
ลักษณะทางเคมี
เป็นอนุพันธ์กึ่งสังเคราะห์ของเซฟาโลสปอริน มีโครงสร้างพื้นฐานของ β-lactam ring ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
กลไกการออกฤทธิ์
ทำงานโดยการยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรีย โดยเฉพาะ penicillin-binding proteins (PBPs) ซึ่งเป็นกลุ่มเอนไซม์ที่จำเป็นต่อการสร้างเพปติโดไกลแคน (peptidoglycan) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของผนังเซลล์แบคทีเรีย
เมื่อผนังเซลล์ถูกขัดขวางไม่ให้สร้างขึ้น แบคทีเรียจะไม่สามารถรักษารูปร่างและโครงสร้างของตนเองได้ ทำให้เซลล์แบคทีเรียแตกร้าว และตายไปในที่สุด (bactericidal effect)
ข้อบ่งใช้
Cefixime ถูกใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียหลากหลายชนิด ทั้งที่พบในระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบอื่น ๆ ดังนี้
- การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
- คออักเสบ (Pharyngitis)
- ทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)
- หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน (Acute bronchitis)
- หลอดลมอักเสบเรื้อรังที่กำเริบ (Chronic bronchitis exacerbation)
- การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบนและล่าง เช่น
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis)
- กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบนและล่าง เช่น
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- โรคหนองในแท้ (Uncomplicated gonorrhea)
- การติดเชื้อในหู
- หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis media)
- โรคไทฟอยด์ (Typhoid fever)
แม้ยาหลักในการรักษาไทฟอยด์จะเป็นยา fluoroquinolones หรือ azithromycin แต่ cefixime ก็สามารถใช้แทนได้ในบางกรณี โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่แพ้ยาอื่น
ขนาดยาและวิธีใช้
ผู้ใหญ่และเด็กโต (มากกว่า 12 ปี หรือ >45 กก.)
- ขนาดปกติ: 200-400 มก. ต่อวัน
- รูปแบบการให้: รับประทานครั้งเดียว หรือแบ่งให้วันละ 2 ครั้ง
เด็กเล็ก (น้อยกว่า 12 ปี)
- คำนวณขนาดยาจากน้ำหนักตัว: 8 มก./กก./วัน
- รูปแบบยาน้ำ: ให้วันละครั้งหรือแบ่งให้วันละ 2 ครั้ง
** ข้อควรระวัง: ห้ามปรับขนาดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
เภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetics)
- การดูดซึม (Absorption): ดูดซึมได้ประมาณ 40-50% เมื่อรับประทาน
- ความสัมพันธ์กับอาหาร: อาหารอาจช่วยเพิ่มการดูดซึมเล็กน้อย แต่ไม่จำเป็นต้องรับประทานพร้อมอาหาร
- การกระจายตัว (Distribution): แทรกซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดี เช่น เยื่อบุทางเดินหายใจ
- การขับออก (Elimination): ขับออกทางปัสสาวะเป็นหลัก ร้อยละ 20 อาจขับออกทางน้ำดี
ประสิทธิภาพและความไวต่อเชื้อแบคทีเรีย
มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียแกรมลบได้ดี โดยเฉพาะเชื้อที่ก่อโรคทางเดินปัสสาวะและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น
- เชื้อที่ไวต่อ Cefixime:
- Escherichia coli
- Klebsiella pneumoniae
- Proteus mirabilis
- Neisseria gonorrhoeae
- Haemophilus influenzae
- Streptococcus pyogenes (บางส่วน)
- เชื้อที่ดื้อต่อ Cefixime:
- Pseudomonas aeruginosa
- Enterococcus spp.
- Staphylococcus aureus (โดยเฉพาะ MRSA)
- แบคทีเรียแกรมบวกบางชนิด

ผลข้างเคียงที่อาจพบ
เป็นยาที่ปลอดภัยโดยทั่วไป แต่ก็สามารถทำให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ได้ในบางราย เช่น
ทางเดินอาหาร
- ท้องเสีย (พบได้บ่อย)
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้อง
ปฏิกิริยาภูมิแพ้
- ผื่นคัน ลมพิษ
- อาการแพ้รุนแรง เช่น anaphylaxis (พบได้น้อยมาก)
ระบบเลือด
- เม็ดเลือดขาวลดลง (rare)
- ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (rare)
อื่น ๆ
- ภาวะลำไส้อักเสบจากเชื้อ Clostridium difficile (พบได้น้อยแต่รุนแรง)
การใช้ในกลุ่มผู้ป่วยพิเศษ
- ผู้ป่วยโรคไต
- เนื่องจากยาขับออกทางไตเป็นหลัก หากไตทำงานผิดปกติอาจต้องลดขนาดยา โดยแพทย์จะคำนวณตามค่าการทำงานของไต (eGFR)
- หญิงตั้งครรภ์
- FDA Pregnancy Category B: การศึกษาบนสัตว์ไม่พบความเสี่ยงต่อทารก แต่ยังไม่มีการศึกษาในคนมากเพียงพอ
- ควรใช้เมื่อประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
- หญิงให้นมบุตร
- ยาถูกขับออกทางน้ำนมเพียงเล็กน้อย สามารถใช้ได้ในกรณีจำเป็น แต่ควรสังเกตอาการไม่พึงประสงค์ในทารก เช่น ท้องเสีย
การดื้อยาและปัญหาการใช้เกินความจำเป็น
การใช้ยาปฏิชีวะนะอย่างไม่เหมาะสม เช่น การซื้อใช้เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ การหยุดยาเมื่ออาการดีขึ้น หรือการใช้เพื่อรักษาหวัดจากไวรัส ส่งผลให้เกิด “เชื้อดื้อยา” ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก
แนวทางการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล:
- ใช้เฉพาะเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่า เป็นการติดเชื้อจากแบคทีเรีย
- ปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
- รับประทานยาให้ครบตามที่กำหนด แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
การเก็บรักษา
- เก็บยาเม็ดไว้ที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงความชื้น และแสงแดด
- ยาน้ำเมื่อผสมแล้วควรแช่ตู้เย็น และใช้ให้หมดภายใน 7-14 วันตามคำแนะนำจากผู้ผลิต
Cefixime เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่ม cephalosporins รุ่นที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียหลายชนิด โดยเฉพาะ ในระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบทางเดินหายใจ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การใช้ยาอย่างถูกต้อง และเหมาะสมไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาเท่านั้น แต่ยังช่วยลดปัญหาเชื้อดื้อยา ซึ่งเป็นวิกฤติระดับโลกที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ปรึกษาการใช้ยาได้ง่าย ๆ เพียงคลิกเดียว ปรึกษาเภสัชกรตอนนี้